เปิดดวงปี 2563 ทำอะไรถึงจะรวย โดย “อาจารย์โสรัจจะ นวลอยู่”

10 Mar 2020

“โสรัจจะ”ขอให้อดทน-อย่าเครียด


อาจารย์โสรัจจะ นวลอยู่ เจ้าของฉายา “นอสตราดามุสเมืองไทย” ย้ำว่าในปี 2563 ดาวมฤตยูเคลื่อนทับดวงเมือง แบบตั้งฉากในราศีเมษด้วย และจะอยู่แบบนี้ไปเป็นเวลา 2 ปี 7 เดือน หรือจะเป็นลักษณะนี้ไปจนถึงกลางปี 2565 ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นทุก 84 ปี

“ขอให้ทุกคนอดทน อย่าเครียด ดำเนินชีวิตแบบค่อยเป็นค่อยไป แก้ปัญหาไปทีละเรื่องๆ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้น สะสมมายาวนาน ปัญหาอยู่ใต้พรม มันจะปะทุ ระเบิดขึ้นมาแบบไม่เคยเกิดขึ้น”

สำหรับปี 2563 ตั้งแต่ต้นปี ก็จะเห็นเหตุการณ์ความวุ่นวาย โดยจะเริ่มทยอยมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มต่างๆ มาเดินขบวนประท้วงเต็มถนนสำคัญๆของประเทศ และจะเกิดขึ้นตลอดทุกเดือน ม็อบเล็ก ม็อบใหญ่ ต่างกันตามเหตุการณ์และปัญหาที่เกิดขึ้น ถือว่าแก้ไขยากมาก เพราะเป็นปัญหาที่สะสมมานานแล้ว

ในช่วงกลางปี หรือราวเดือน พ.ค.-ก.ค.2563 อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทางการเมือง ทั้งยุบสภา หรือ “ปฏิวัติ” รวมถึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำก็เป็นได้

โดยในช่วงปี 2563-2564 และอาจเกิดขึ้นถึง 2-3 ครั้ง ทั้งยุบสภา ปฏิวัติ การเปลี่ยนผู้นำรัฐบาล รวมไปถึงการปรับ ครม.ด้วย ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้น ผู้นำรัฐบาลก็หนักใจมาก ตอนแรกก็ไม่คิดว่าจะหนักหนาสาหัส จริงๆ ก็เริ่มเห็นสัญญาณแล้ว แต่ยังไม่ยอมรับความจริง หากยอมรับความจริง ก็คงประมาทไป คิดว่าไม่มีอะไร ปัดความรับผิดชอบให้ผ่านๆไป ปัญหาจึงหนักหนาสาหัส

แม้จะมีการแก้ไขปัญหา ก็อาจจะช่วยได้บ้าง แต่บางปัญหาหมักหมมมานาน ทับซ้อนไว้นาน จนไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องระเบิดออกมา โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่จะเกิดวิกฤติหนักมาก แม้จะแก้ไขอย่างไรก็ไม่ทุเลาเบาบาง แต่ก็ต้องทำ ต้องแก้ไขกันไป

“ปี 2563 เป็นปีเผาจริง เผาหนักมาก ซึ่งเป็นไปตามพยากรณ์ตามดวงดาว นานๆทีจะเกิด แต่สิ่งที่ทำนายไว้ก็อาจไม่เกิดขึ้นก็ได้ แต่ถ้าเกิดขึ้นถือว่าหนักสุดของประเทศไทย”

ต้องทำใจว่าอาจมีม็อบสารพัดเต็มบ้านเต็มเมือง เกิดเหตุการณ์จลาจล มีความรุนแรง และแก้ไขยากมาก รวมถึงอาจเกิดเหตุการณ์แบบคาดไม่ถึงกันก็เป็นไปได้

ที่สำคัญ ยังจะเกิดสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่คิดว่าจะได้เห็น เหมือนกรณีฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ก็ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น เช่น เหตุการณ์สึนามิเมื่อครั้งปี 2547 เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด และไม่เคยเห็น เพราะฉะนั้นในปี 2563 จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นทั้งปี

จะเกิดความแตกแยก ขาดความสามัคคี เหตุการณ์จะบีบคั้นให้เกิดการแตกแยก ทะเลาะตบตีกัน

หนักสุดคือ การทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเป็นปัญหาหนักสุด คือ ความไม่ซื่อตรง ปัญหาคอร์รัปชัน ที่ซ้ำเติมทุกอย่างให้แก้ไขยากมาก คนจะไม่ทนเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน หากเห็นว่า เอาผลประโยชน์ใส่ตัวมากขึ้น ก็จะเกิด “มหาวิปโยค” แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้น เป็นตัวเร่งให้ประเทศเข้าสู่ยุควุ่นวาย

“นายทุนที่เอาเปรียบ ประเทศ เอาผลประโยชน์มากๆ กอบโกยเยอะๆ ธุรกิจจะมีปัญหา อยู่ไม่ได้ อาจถึงขั้นล้ม ละลาย ต้องหนีออกนอกประเทศ จากนี้ไปสิ่งที่ผิดจะอยู่ต่อไปไม่ได้ ต้องหายไป ต้องถูกกำจัด”

แนะให้ทำบุญสวดมนต์

อาจารย์โสรัจจะ ยังว่าในปีนี้จะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ จะหนักมาก โรงงานทยอยปิดกิจการ คนจะตกงานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โจรผู้ร้ายก็จะชุกชุมเยอะมาก เพราะคนตกงาน และยังมีภัยธรรมชาติ ทั้งภัยแล้ง น้ำท่วม มาซ้ำเติมอีก ตลาดหุ้นจะหยุดทำการชั่วคราว เพราะหุ้นดิ่งเหว เกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนในตลาดหุ้น

ตลาดการเงินก็จะวิกฤติ เพราะค่าเงินมีปัญหาเหมือน ค่าเงินไม่มีค่า ซื้อหาอะไรก็ได้น้อย เหมือนเข้าสู่ยุคข้าวยาก หมากแพง ธนาคารก็จะมีปัญหาแบบที่ไม่เคยเห็น และไม่เหมือนเหตุการณ์ปี 2540

สำหรับธุรกิจที่ซึมๆหงอยๆ คือ ท่องเที่ยว ส่งออก หุ้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโลก เพียงแต่ประเทศไทย จะหนักสุด เพราะพึ่งรายได้จากการท่องเที่ยวและส่งออก แต่สุดท้ายก็จะผ่านไปได้จึงขอให้อดทนไปจนถึงเดือน ก.ค.2565 เมื่อดาวมฤตยูย้ายออกจากดวงเมืองแล้ว เชื่อว่าประเทศไทยจะศิวิไลซ์

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในช่วงนี้ อย่าลงทุนแบบ “ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ” เพราะมีความเสี่ยงสูงมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้ลงทุน เพียงแต่การลงทุนนั้น ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง อะไรที่เสี่ยงมากก็ขอให้ชะลอไปก่อน

โดยปีนี้อาจได้เห็นหน่วยงานจากต่างประเทศมาช่วยเหมือนปี 2540 ที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้ามาช่วย คนไทยก็ต้องช่วยกัน สามัคคีกันด้วย แต่ไม่อยากให้คาดหวังอะไรจากต่างประเทศว่าจะมาช่วยประเทศของเรามาก เพราะประเทศทั่วโลก ต่างเกิดวิกฤติเหมือนๆกัน ฉะนั้นต้องช่วยกันเอง ยึดหลักพอเพียงในการดำรงชีวิต ประคับประคองให้ผ่านพ้นกลางปี 2565 แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนธุรกิจที่มีอนาคตและรุ่งโรจน์จากการลงทุน ได้แก่ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ สิ่งสวยงาม แฟชั่น สินค้าไอที สินค้าเกี่ยวกับดิจิทัล สินค้าส่งออก แต่หากจะลงทุน ก็ขอให้ระมัดระวัง อย่าลงทุนเกินตัว

ขณะที่ธุรกิจที่ไม่แนะนำให้ลงทุนเลย แต่หากจะลงทุน ก็ต้องระมัดระวัง เพราะมีความเสี่ยงมาก ได้แก่ การเงิน เงินสกุลดิจิทัล ตลาดหุ้น อสังหาริมทรัพย์ และเงินบาทจะแข็งค่ามาก

วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น อาจไม่หนักหนาสาหัส เพราะผ่านวิกฤติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนมาแล้ว เมื่อปี 2562 แต่วิกฤติที่อาจเกิดขึ้นใหม่ และเกิดความระส่ำไปทั้งโลกนั้น อาจเกิดสงครามโลก ที่มีการใช้อาวุธกันก็ได้ เพราะจะกระทบทั้งโลก จะเกิดเหตุการณ์ราคาน้ำมันผันผวน เกิดการขาดแคลน ราคาสินค้าจะปรับขึ้นแล้วปรับขึ้นอีก

ส่วนเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ก็ต้องระมัดระวังป้องกันไว้ ทั้งแผ่นดินไหว จนเกิด เหตุการณ์สึนามิ แผ่นดินทรุด น้ำท่วมหนักมากกว่าปี 2554 ภัยแล้ง ซึ่งตอนนี้ก็แล้งอยู่แล้ว ปี 2563-2564 อาจเกิดภัยแล้งหนักสุด เกิดทั่วประเทศ ทั้งนาข้าวก็แห้งแล้ง ผลไม้ก็ลดลง ทำให้เกษตรกรลำบากหนักมาก

ฉะนั้นปี 2563 ทุกคนต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง อย่าประมาท อย่าลงทุนเกินตัว ประคับประคองธุรกิจให้อยู่รอดไปจนถึงกลางปี 2565 เมื่อผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้ว ประเทศไทย จะรุ่งเรือง การประกอบธุรกิจก็จะดีวันดีคืน มีเงินก็เก็บออมไว้บ้าง เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น อย่าใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลิน อย่าประมาท

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยจะไม่ล้มละลายแน่นอน เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองประเทศไทย เพียงแต่ครั้งนี้หนักสุดในรอบ 84 ปี และหนักนานกว่า 2-3 ปี จะเริ่มดีขึ้นในกลางปี 2565 และเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ในปี 2566 เป็นต้นไป

ดังนั้น ทุกคนในประเทศ โดยเฉพาะผู้นำรัฐบาล ต้องหมั่นทำบุญ สวดมนต์ ซึ่งเป็นการทำบุญตามปกติของแต่ละคน ทำบุญที่มาจากใจ ทั้งการให้ชีวิต ช่วยคนเจ็บป่วย เด็ก คนชรา โดยเฉพาะเด็กพิการ คนชราที่พิการ เป็นต้น

“ขอให้ทำบุญกันตามกำลังที่ทำได้ ซึ่งผลจากทำบุญ ทำบุญจากใจ จะทำให้สถานการณ์คลี่คลาย ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้”.